Stranger Things #nomin
'omegaverse'
#nomin
R-17
Stranger Things
โลกที่พัฒนาอยู่บนพื้นฐานความเท่าเทียม
เป็นเพียงฉากหน้าของศีลธรรมอันดีงาม ความจริงแล้วเนื้อแท้
จิตใต้สำนึกที่ไม่ต่างจากสัตว์ร้าย เหยียบย่ำผู้ที่อยู่อ่อนแอกว่า
สถาปนาตัวเองเป็นผู้ล่า ‘อัลฟ่า’ ผู้น่าเกรงขามในโลกใต้กะลา
ริมฝีปากบางเหยียดยิ้มเล็กน้อยทันทีที่เห็นตัวอักษรกราฟฟิตี้บนกำแพงสีขาว
นึกชื่นชอบเด็กสมัยใหม่ที่มีหัวคิดไม่เกรงกลัวต่ออำนาจของผู้มีอิทธิพลที่เรียกตัวเองว่า
‘อัลฟ่า’
ส่วนผู้คนทั่วไปที่จัดว่าเป็นประชากรพื้นฐานก็คือ
‘เบต้า’
และส่วนที่หายสาบสูญไป
ไม่สิ, เรียกว่าซ่อนตัวมากกว่า
ก็คือ ‘โอเมก้า’ ชนชั้นต่ำที่สุดยากที่จะหาอะไรมาเปรียบเทียบได้
ถึงมันไม่ได้แย่ขนาดนั้น แต่ก็ถือว่าย่ำแย่กว่าชนชั้นอื่นเป็นไหนๆ
ส่วน นา แจมิน
เจ้าของแก้วกาแฟที่พึ่งโดนโยนลงถังขยะ ก็เป็นชนชั้นปกติทั่วไป
นั่นคือสิ่งที่แจมินบอกคนอื่นๆว่าเขาเป็นเบต้า
แต่เนื้อแท้ยังไงเสียร่างโปร่งก็ย่อมรู้ดีกว่าใครเขา
โอเมก้าที่อยู่ล่างสุดนั่นไงล่ะ
เพราะหน้าที่การงาน
ฐานะทางสังคม ความเก่งกาจในด้านต่างๆ จนได้เป็นถึงรองบรรณาธิการในสำนักพิมพ์ใหญ่
ทำให้แจมินเลือกที่จะเก็บเพศรองของตัวเองไว้เป็นความลับ
ตั้งใจจะใช้ชีวิตที่เหลือให้มีความสุขที่สุด
ด้วยการกินยาระงับอาการฮีท และฉีดยาดับฟีโรโมนทั้งหลาย
จนแทบจะไม่มีกลิ่นตัวหลงเหลือ
ปลายนิ้วเรียวแตะบัตรประจำตัวพนักงาน
แสงสีฟ้าสว่างวาบ พร้อมกับแผ่นแก้วที่กั้นไว้ก็เปิดออก เช้าวันจันทร์
การเริ่มต้นทำงาน ลูปเดิมๆ หาเงิน และใช้เงิน วนไป จนกว่าจะเกษียณ ดูน่าเบื่อ
แต่ก็เป็นความฝันของใคร
หลายคน
ตึกสูงระฟ้า
บรรจุหลายบริษัทให้เพื่อเช่าพื้นที่ในแต่ละชั้นเข้าด้วยกัน
ก่อนที่ลิฟต์จะเปิดออกในชั้นที่ 10
หญิงสาวแผนกเดียวกันยกยิ้มให้เขาเล็กน้อยเป็นการทักทาย
“กาแฟมั้ยคะรอง”
“ผมพึ่งดื่มมา ไว้โอกาสหน้านะครับ” ตอบรับอย่างสุภาพก่อนจะเดินแยกเข้าไปในห้องที่กั้นไว้สำหรับรองบรรณาธิการ
ผลักประตูบานใสเข้าไป
กดเปิดคอม ล็อคอินเข้าเช็คอีเมล์ ตามปกติ ก่อนจะเลื่อนไปยังปฏิทิน
ที่สัปดาห์นี้เต็มไปด้วยตารางงานของหนังสือที่เขาต้องแบ่งตรวจเช็คกับหัวหน้าบรรณาธิการ
แต่ในเมื่อหัวหน้าบรรณาธิการคนล่าสุดพึ่งออกไปเนื่องจากเกษียณอายุงาน
ทำให้นาแจมินคาดไว้ว่า สัปดาห์นี้ต้องเหนื่อยสายตัวแทบขาดแน่
เพราะจากที่เคยได้แบ่งเบางาน
กลายเป็นว่าร่างบางต้องรวบคนเดียวหมดจนกว่าจะหาหัวหน้าบรรณาธิการคนใหม่ได้
ถอนหายใจออกมา ก่อนที่จะสะดุ้งเมื่อโทรศัพท์ตั้งโต๊ะมีสายเรียกเข้า
“รองบรรณาธิการ
นาแจมินครับ”
กรอกเสียงลงไปขณะที่สายตายังไล่เช็คอีเมล์ที่ได้รับจากนักเขียนอิสระ
ก่อนจะชะงักเมื่อเนื้อหาที่ได้ยินกลับเป็นสิ่งที่ไม่คาดคิด
“หัวหน้าบรรณาธิการคนใหม่?...ตอนนี้?...ครับ...ห้องประชุมชั้น
14...ครับ...จะรีบไปครับ”
เมื่อสายที่ถูกติดต่อมาเป็นเลขาสาวจากชั้นผู้บริหารทำให้ร่างโปร่งต้องรีบหยิบบัตรพนักงานขึ้นมาสวม
สมาทโฟนเครื่องหรู และiPad ที่ใช้บันทึกตารางงาน
ผลักบานประตูออกไปท่ามกลางสายตาตื่นๆ
ของลูกน้องที่กำลังไปยืนซุบซิบกันอยู่ที่คอมของฝ่ายศิลป์ แต่เมื่อหันมาเห็นสายตาดุๆ
ของรองบรรณาธิการคนเก่งก็แตกกระเจิงกลับไปทำงานที่โต๊ะของตัวเองทันที
แจมินถอนหายใจ
ดูท่าจะว่างกันจริงๆ
ไม่เหลือเวลาบ่น
ร่างบางเดินไปที่ลิฟต์เพื่อขึ้นไปยังชั้น 14 บานประตูเปิดออก เผยให้เห็นผู้โดยสาร
1 คนที่ยืนอยู่ด้านใน
กลุ่มผมสีดำขลับที่เซ็ทเสยขึ้นอย่างดี
ส่วนสูงที่เสมอกัน แต่เพราะความหนาของร่างกาย ทำให้อีกฝ่ายดูตัว
ใหญ่กว่าแจมิน แต่งกายด้วยเชิ้ตดำพับแขนเสื้อขึ้น
ฝ่ามือฝั่งขวาถือบัตรประจำตัวพนักงานไว้หลวมๆ
เป็นเพียงการกวาดสายตา
รองบรรณาธิการก็เดินเข้ามาด้านใน หันไปดูชั้นที่กดไว้ก็เห็นว่าเลข 14
มีแสงไฟล้อมรอบอยู่
อีกฝ่ายยืนอยู่ด้านหลัง
เยื้องไปทางซ้าย ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่น เมื่อรู้สึกถึงบางอย่าง
สองแขนเล็กยกขึ้นกดอกตัวเองทันที
ไม่ได้คุกคาม
แต่มีอำนาจแฝงมาจากกลิ่นกายของชายผมดำข้างกาย
เจอดีแต่เช้าเลย
เสสายตาเหลือบมองตัวเลขอิเล็กทรอนิกที่กำลังเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
อย่างเชื่องช้า จนในที่สุดบานประตูของตู้
เหล็กเคลื่อนที่ก็เปิดออก
ขาเรียวไม่รีรอที่จะก้าวออกไปทันที
ไม่แม้แต่จะหันไปมองร่างสูงที่กำลังเดินตาม
ใบหน้าหล่อจากเจ้าของกลุ่มผมสีดำขลับนั่นกำลังยกยิ้ม
ฝ่ามือเล็กผลักบานประตูที่เป็นส่วนของห้องประชุมเข้าไป
พบกับหัวหน้าบรรณาธิการหนังสือหมวดอื่นๆ และคณะกรรมการฝ่ายบริหาร
รวมถึงรองประทานที่กำลังผายมือเชื้อเชิญให้ร่างเล็กนั่งลง
ร่างโปร่งโค้งกายลงเล็กน้อย
ก่อนจะนั่งลงทันที
รองประธานหนุ่มเอ่ยขึ้นเมื่อผู้ประชุมมาครบ
แจ้งวาระการประชุมครั้งนี้อย่างสบายๆ
เพราะเป็นเพียงการแนะนำหัวหน้าบรรณาธิการคนใหม่
ก่อนที่บานประตูที่แจมินใช้เดินเข้ามาจะถูกเปิดอีกรอบแต่คราวนี้เป็นชายร่างสูงที่เจอกันในลิฟต์
“นี่คือคุณลี เจโน่
หัวหน้าบรรณาธิการคนใหม่ครับ...” ทันทีที่อีกฝ่ายก้าวขาเข้ามา
นัยน์ตากลมของร่างเล็กก็ถูกตรึงไว้ด้วยใบหน้าหล่อของอีกฝ่าย
ร่างสูงกวาดสายตา
ก่อนจะมองเห็นร่างบางคุ้นตานั่งอยู่ไม่ไกล สบตากันท่ามกลางผู้คน
สร้างโลกส่วนตัวหรือ
ไม่ทันเสียหรอกในเมื่อใบหน้าหวานเสสายตาหนีพร้อมกับริ้วแดงบนแก้มใส
Stranger Things
สุดท้ายก็ต้องเดินนำร่างสูงออกมาจากห้องประชุม
ลงลิฟต์มาพร้อมกันด้วยความอึดอัด อาจเพราะปัญหาเรื่องเพศรองที่ทำให้ตอนนี้แจมินรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวแปลกๆ
แต่อย่างไรเสียหน้าที่การงานก็ต้องมาก่อน
“นี่ ลีเจโน่
หัวหน้าบรรณาธิการคนใหม่ของเราครับ” เอ่ยบอกคนในทีมที่ยืนตบไม้ตบมือต้อนรับพร้อมกับเข้ามาทักทายร่างสูง
โดยที่มีแจมินยืนดูอยู่ด้านหลัง
จนเมื่อทักทายเสร็จก็ได้โอกาสพาร่างสูงเข้ามาในห้องกั้นแยกไว้สำหรับตำแหน่งหัวหน้าบรรณาธิการ
“นี่เป็นห้องทำงานของคุณ
ส่วนเรื่องตารางงานรายวันและส่วนของรูปเล่มที่ต้องตรวจเช็คเลขาของคุณจะเตรียมไว้ให้
การเข้างานออกงานตามเวลาปกติ ส่วนเนื้องาน
ผมไม่มั่นใจว่าแตกต่างจากบริษัทเดิมที่คุณเคยทำมั้ย แต่ส่วนใหญ่ลักษณะการทำงานก็คล้ายกัน
ถ้ามีปัญหาหรือข้อสงสัยอะไรก็สามารถสอบถามจากเลขาของคุณหรือผมก็ได้
ถ้าเกิดไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ สวัสดีครับ”
ร่างโปร่งร่ายยาวจนร่างสูงที่ยืนฟังอยู่ถึงกับหลุดยิ้ม
“เดี๋ยวก่อนครับ”
มือเล็กจำยอมปล่อยบานประตูที่แง้มออกให้ปิดสนิทลงก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับร่างสูงที่ตอนนี้เปลี่ยนท่าทางมาเป็นนั่งพิงสะโพกไปกับโต๊ะทำงานกว้าง
“ครับ”
“แถวนี้มีร้านอาหารอะไรอร่อยๆ แนะนำมั้ยครับ”
ห้ะ?
“ก็...มีครับ
ที่โซนขายอาหาร อยู่ชั้นใต้ดิน มีหลายร้านอยู่เหมือนกัน”
“เหรอครับ”
“ครับ”
กรอบหน้าเล็กพยักหน้าหงึกหงัก
ก่อนจะผลักบานประตูอีกครั้ง
แต่คราวนี้ร่างสูงกลับประชิดกายแล้วเป็น
ฝ่ายช่วยดันประตูอีกแรง
“พาผมไปหน่อย ยังไม่ได้ทานข้าวเช้าเลย”
“...อ่า...ครับ”
Stranger Things
และตลอดทั้งสัปดาห์ที่จะมีสายเรียกเข้ามาจากห้องข้างๆ
พร้อมกับเสียงทุ้มที่ได้ยินอยู่ตลอดทั้งวัน
‘คุณแจมินครับ
เอกสารนี้ผมว่ามีจุดที่ผิดอยู่นะครับ’
‘คุณแจมินครับ
หน้าปกส่วนนี้ผมอยากให้ฝ่ายศิลป์แก้อีกหน่อยครับ’
‘คุณแจมินครับ
ผมอยากให้คุณหาหัวข้อใหม่ๆ มาเขียนหน่อยครับ’
‘คุณแจมินครับ...’
‘คุณแจมิน...’
“โว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”
ปึก!!
“แจมิน! เป็นอะไรของมึง!”
หันไปมองซากกระป๋องเบียร์ที่โดนปาไปยังกำแพงห้องกว้างอย่างแรงก่อนที่จะกระเด้งกลับมาโดนแฮชานที่นั่งอยู่ข้างกัน
“กูโมโห!”
“โมโหอะไร!”
“โมโหบ.ก.!”
“มึงไม่ได้เป็นบ.ก.เหรอ!”
“กูเป็นรอง!”
“แล้วจะใส่อารมณ์ทำไม!”
“ไม่รู้!”
สุดท้ายห้องก็เข้าสู่ความสงบอีกครั้ง
พร้อมกับเสียงถอนหายใจของนาแจมินกับเรือนกายที่ไหลลงไปนอนที่พื้นห้องจนเพื่อนสนิทต้องเอ่ยขึ้น
“ละสรุปเป็นอะไร”
“กูเหนื่อย”
“เหนื่อยอะไร”
“หัวหน้าคนใหม่”
“ยังไงวะ”
ถามขึ้นพลางคีบเนื้อย่างเข้าปาก
เหลือบมองเพื่อนตัวขาวที่ใช้ปลายนิ้วกลิ้งกระป๋องเบียร์
“คือกูรู้สึกเหมือนเขาไม่ได้ทำงานอะไรเลย
นอกจากใช้กูไปวันๆ เลขาตัวเองก็มีไม่เรียก กดโอนสายหากูตลอด แล้วกูก็ต้องรับ
ต้องไปคุย ต้องดำเนินงานแทนเขา ทุกอย่าง เหมือนตอนนี้กูต้องทำงานของตัวเองด้วย
แล้วส่วนของเขาด้วย”
“อาฮะ”
แฮชานพยักหน้าหงึกหงักก่อนจะคีบผักเคี้ยวตาม
“มึงช่วยมีรีแอ็คชั่นเห็นใจกูหน่อย”
“อ่อ น่าสงสารจังเลยนะแจมินนา”
ริมฝีปากเหยียดลงก่อนจะชูนิ้วกลางใส่เพื่อนสนิทที่หัวเราะจนตาหยี
“คนเก่าก็เป็นแบบนี้ไม่ใช่เหรอวะ”
“แต่ก็ไม่หนักขนาดนี้”
“แต่แปลกนะปกติมึงก็บ้างานอยู่แล้ว
กูไม่เคยเห็นมึงบ่นเหนื่อยเลยสักครั้ง”
“มันก็ต้องมีเหนื่อยบ้างป้ะวะ”
“แน่ใจ”
เพื่อนสนิทจ้องใบหน้าหวานที่ตอนนี้ซุกลงไปกับหมอนอิง
เจ้าตัวเหลือบตามามองเขาก่อนจะถอนหายใจพลางลุกขึ้นมาด้วยความรวดเร็ว
“คือแม่งแบบ...”
“แบบ?”
“เขาเป็นอัลฟ่าอ่ะมึง
มึงก็รู้ว่ากูไม่เซฟ”
“กูว่าละ”
เป็นธรรมดาที่ต่อให้โอเมก้าจะเก่งกาจแค่ไหน
แต่จากเพศรองอย่างไรก็ตกเป็นรอง
ยิ่งต้องไปคลุกคลีทำให้
ร่างบางต้องระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ
“แล้วเขารู้ป้ะว่ามึงเป็น”
“กูว่าไม่
กลิ่นกูก็ไม่เหลือ เนี่ยมึงดม”
เอาแขนไปยีหน้าเพื่อนจนอีกฝ่ายต้องเบ้หนี
“อี๋~ เอาออกไป ไม่แดกพวกเดียวกัน”
“เขาน่าจะคิดว่ากูเป็นเบต้า
แต่กูก็อดระแวงไม่ได้อยู่ดี”
“ก็ดีแล้วที่มึงระวังตัว
อย่าให้เรื่องนี้มันกระทบกับงานมึงละกัน”
“เออ”
ขานรับพลางแกะกระป๋องเบียร์อันใหม่ยกขึ้นดื่ม
“แล้วนี่ใกล้ฮีทรึยัง”
“ใกล้แล้วมั้ง
อีกวีคสองวีคเนี่ยแหละ แต่ยายังเหลืออยู่”
“ดูแลตัวเองด้วยนะมึง”
“อืม บอกตัวเองเถอะมึงอ่ะ”
“กูชิล”
“จ้ะ พ่อคนฟีโรโมนน้อย”
น่าอิจฉาที่แฮชานเป็นโอเมก้าเหมือนกัน
แต่ฟีโรโมนในกายของเพื่อนสนิทนั้น น้อยจนเกือบจะเหมือนเบต้า
ถ้าเกิดไม่ได้ใกล้ชิดกันจริงๆ ก็แทบจะไม่รู้สึกด้วยซ้ำ
ต่างจากแจมินที่ต้องพึ่งทั้งยาเม็ดยาฉีดเพื่อระงับกลิ่น
กว่าจะเข้าที่เข้าทางก็เคยต้องขังตัวเองไว้ในบ้านเกือบ
3
เดือนเพื่อปรับฮอร์โมนในร่างกายให้ลดการปล่อยฟีโรโมน
เป็นประสบการณ์แย่ๆ
ในช่วงวัยรุ่นที่คนในบ้านขังเขาไว้ไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันเพราะกลัวลูกตัวเองจะถูกทำร้ายเมื่อออกไปนอกบ้าน
ทั้งรักคนในบ้านและก็รู้สึกผิดที่เกิดมาแปลกประหลาด
แต่ก็ไม่เคยท้อ แจมินถีบตัวเองขึ้นมาจากชนชั้นที่ต่ำสุด
และยังปกปิดเพศรองของตัวเองได้อย่างดีเยี่ยม
“อย่าลืมนะแจมินนา...”
“...”
“…มึงซ่อนตัวจากทุกคนได้
แต่มึงซ่อนตัวจากคู่ชีวิตมึงไม่ได้หรอกนะ”
Stranger Things
‘คุณแจมินครับ
รบกวนมาที่ห้องผมหน่อยครับ’ เสียงทุ้มคุ้นหูของหัวหน้าบรรณาธิการทำให้ร่างเล็กลอบถอนหายใจก่อนจะเอ่ยขึ้น
“ครับ”
ปลายนิ้วเรียวกดเซฟไฟล์งานล่าสุดก่อนจะเดินออกจากห้องไปยังห้องข้างๆ
มีเพียงบานกระจกใสกั้นแต่ก็มีฟิล์มเงามัวทาบทับทั้งสองฝั่งของกระจกแผ่นกว้าง
สิ้นเสียงเอ่ยอนุญาตคนตัวเล็กก็ผลักบานประตูเข้าไป
ก่อนจะเจอร่างสูงที่กำลังนั่งทำงานอยู่
ใบหน้าคมดูเคร่งเครียดผิดไปจากปกติที่จะประดับไว้ด้วยรอยยิ้มตลอดเวลา
“มีอะไรรึเปล่าครับคุณเจโน่”
“คุณพอทราบมั้ยครับว่าจดหมายนี้ใครเป็นผู้ส่ง”
สิ้นเสียงร่างสูง
คนตัวเล็กก็ต้องเดินเข้าไปใกล้ยังฝั่งที่ร่างสูงนั่ง เหลือบมองหน้าจอกว้าง
ก่อนจะเม้มริมฝีปากเล็กน้อย
“ขออนุญาตนะครับ”
อ้อมกายไปหยิบเมาส์ออกจากฝ่ามือหนา
ก่อนจะคลิกไปที่รายชื่อผู้ส่งกับไฟล์แนบที่ส่งไป
เป็นโอกาสให้ร่างสูงได้สำรวจร่างโปร่งอย่างใกล้ๆ
กรอบหน้าเล็กที่ตอนนี้ดูจริงจังไม่น้อย เรือนกายหอม
ที่กำลังทำให้เขาสบายใจอย่างน่าประหลาดจนอดไม่ได้ที่จะเลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้
“เป็นไปไม่ได้...”
“ครับ?”
คนตัวเล็กพึมพำออกมาจนร่างสูงต้องเอ่ยถาม
“ไฟล์ที่แนบไปมันอยู่ในไฟล์ลับเฉพาะของบริษัทที่จะมีแค่ระดับหัวหน้าบรรณาธิการเท่านั้นที่จะเปิดดูได้
แต่คนที่ส่งกลับเป็น...”
คนตัวเล็กหันกลับมาด้วยความรวดเร็ว
แต่ก็นั่นแหละ ฉากเดิมๆ ใกล้เพียงลมหายใจกั้น ที่ทำให้คนทั้งคู่หยุดชะงัก ต้องมนต์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แรงดึงดูดแปลกประหลาด กว่าจะรู้ตัวอีกที
กลีบปากของร่างสูงก็เฉียดแก้มเนียนใสไปแล้วหนึ่งครา
“...ว่าต่อสิครับ”
เสียงทุ้มที่เคยได้ยินจากโทรศัพท์
บัดนี้เอ่ยชิดใบหูบาง แจมินควบคุมลมหายใจไม่ให้สั่นสะท้าน
ถึงแม้ว่าตอนนี้แทบจะไม่เหลือเรี่ยวแรงในการยืนแล้วก็ตาม
“เขาเป็นหนึ่ง...ในแผนกการสื่อสารและดูแลภาพลักษณ์”
“ครับ”
“ซึ่งผมว่ามันน่าจะมีอะไรผิดพลาด
เขาไม่ควรจะเข้าถึงเอกสารชุดนี้ได้…” เม้มริมฝีปากพลางถอยหลังกลับมายืนที่เดิมของตัวเอง
ก้มจนคางชิดอก ลมหายใจร้อนขึ้นจนรู้สึกได้ จิกเล็บลงกับหลังมืออีกข้าง เพราะไม่รู้ว่าตอนนี้ร่างกายของตัวเองเป็นอะไร
“อะ...เอาไว้เดี๋ยวผมจะแจ้งฝ่ายบุคคลเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้นะครับ
”
เอ่ยขึ้นสั่นๆ
แต่ยังไม่ทันจะก้าวออกจากห้อง ฝ่ามือหนากลับดึงข้อมือบางไว้ได้ทัน
“เดี๋ยวก่อน”
“ผมต้อง...อึก
...ขอตัวก่อน” ร่างเล็กพยายามจะสะบัดมือออก
แต่ก็ช้าไปเสียเมื่อถูกร่างสูงกดไหล่บางให้นั่งลงกับโซฟารับรองในห้อง
“ออกไปตอนนี้คนอื่นต้องได้กลิ่นคุณแน่
ยาคุณอยู่ไหน” ร่างสูงเอ่ยถามขึ้น
ทั้งที่ในใจร้อนรนเมื่อรู้สึกถึงกลิ่นกายของร่างบางที่รุนแรงขึ้น
“ยะ อยู่ในกระเป๋า...ห้องทำงาน”
สิ้นเสียงของร่างโปร่งบาง
หัวหน้าบรรณาธิการดูมีท่าทางหัวเสียไม่น้อย ก่อนที่เสื้อสูทสีเข้มที่เคยแขวนอยู่บนราวจะถูกจับคลุมร่างเล็กไว้
รองบรรณาธิการสะอื้นด้วยความกลัว
เมื่อเห็นบานประตูเปิดออกอีกครั้งพร้อมกับยาในมือของร่างสูง
“กินซะ
แล้วอยู่ในห้องนี้จนกว่าจะสงบ เดี๋ยวผมจะออกไปรอข้างนอก”
“คะ...ครับ”
แจมินเหลือบเห็นฝ่ามือของร่างสูงที่กำแน่นจนขึ้นเป็นเส้นเลือดแต่นอกเหนือจากนั้นเขาเห็นสีตาของเจโน่
สีตาที่เปลี่ยนไปไม่ใช่สีเหล็กกล้าเช่นเดิม
ร่างสูงเดินออกมาจากห้องของตน
โชคดีที่ตอนนี้เป็นเวลาเลิกงานแล้ว
ทำให้มีพนักงานเพียงไม่กี่คนที่ยังนั่งเคลียงานอยู่
ขายาวภายใต้กางเกงยีนส์สีเข้มพาร่างของตัวเองไปยังห้องน้ำ
เหลือบมองใบหน้าของตัวเองบนกระจกที่สะท้อน
แล้วก็เป็นไปตามคาด
คว้าสมาทโฟนเครื่องหรูขึ้นก่อนจะต่อสายหาคนคนหนึ่งทันที
“มาร์ค
กูมีเรื่องจะคุยด้วย”
Stranger Things
รถยนต์คันหรูหยุดลงที่ลานจอดรถของคอนโด
คนขับหนึ่งคนและผู้โดยสารอีกหนึ่งคนที่ต่างก็นั่งนิ่ง ก่อนที่จะตัดสินใจเอ่ยขึ้น
“เรื่องวันนี้...”/”คือเรื่องวันนี้...”
ทั้งสองหันมามองหน้ากัน
คนตัวเล็กมีสีหน้าตื่นๆ แตกต่างจากร่างสูงที่หลุดยิ้มด้วยความเอ็นดู
“คุณก่อน”/”คุณก่อนเลย”
อีกแล้ว
แจมินอยากจะกัดลิ้นตัวเองแล้วตายลงตรงนี้เลย
เหมือนตัวเองกำลังเป็นโรคหลายบุคลิก เดี๋ยวก็เขิน เดี๋ยวก็รู้สึกเป็นบ้า
เดี๋ยวอยากหัวเราะ เดี๋ยวอยากร้องไห้
แต่พอสบเข้ากับนัยน์ตาของหัวหน้าบรรณาธิการก็อึดอัดในอกแทบแย่
“คุณก่อนเลยครับ”
เสียงทุ้มเอ่ยอย่างใจเย็น พลางเหลือบมองคนร่างโปร่งที่เม้มริมฝีปากแน่น
“คือเรื่องวันนี้
ผมขอให้คุณ เก็บเป็นความลับได้ไหม” เอ่ยขึ้นขึ้นได้รับโอกาส “เพราะถ้าเกิดคนในบริษัทรู้เรื่องเพศรองของผม
มันน่าจะเกิดปัญหาหลายๆอย่างตามมาได้”
สบเข้ากับนัยน์ตาสีเหล็กกล้านั่นอีกครั้ง
ก่อนที่ร่างสูงจะพยักหน้ารับ
“ได้ครับ”
“รบกวนด้วยนะครับ”
“ส่วนที่ผมจะบอกก็คือ
เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ผมอนุญาตให้คุณหยุดพักผ่อน 3 วัน
จนกว่าอาการของคุณจะดีขึ้น”
“ผม...ไม่ได้เป็นอะไรนะครับ
ปกติก็กินยาระงับได้ เพราะงั้นผมยังไปทำงานได้ตามปกตินะ” แจมินเอ่ยปัดปฏิเสธ
เพราะโดยปกติช่วงฮีทตัวเองก็สามารถไปทำงานได้ แค่ต้องทานยาและฉีดยามากกว่าปกติ
“แต่มันไม่เหมือนเดิมแล้วนะครับ”
เจโน่เอ่ยขัด ร่างสูงหันกายมาหาร่างโปร่ง
ใบหน้าจริงจังนั่นทำให้คนตัวบางเผลอเอนกายชิดกับประตูรถ
“คุณอยู่ใกล้กับผมในช่วงนี้มันไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ”
เสียงทุ้มเอ่ยพึมพำ แต่ร่างบางกลับได้ยินชัดทุกถ้อยคำ “อัลฟ่าคนอื่นอาจจะไม่ได้กลิ่น แต่กับผมมันต่างกันออกไป
คุณเข้าใจที่ผมพูดใช่มั้ย”
“ขะ...เข้าใจครับ”
“เพราะงั้นอยู่ที่ห้อง
ไม่ต้องทำงานจนกว่าจะครบ 3 วัน ให้อาการคุณดีขึ้นก่อน ตกลงมั้ย” ท้ายประโยคกลายเป็นเสียงนุ่มละมุนจนร่างโปร่งยอมโอนอ่อน
“อะ อืม”
“ดึกแล้ว
ขึ้นห้องไปพักผ่อนเถอะนะครับ” ฝ่ามือหนาวางลงบนกลุ่มผมสีน้ำตาล
ออกแรงขยี้เบาๆจนหัวใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นส่ำ
“ขอตัวก่อนนะครับ…!!!”
จากมือที่เคยอยู่บนกลุ่มผม
เลื่อนลงมาที่ฝ่ามือเล็ก ออกแรงดึงเพื่อรั้งกายบางไว้
ประทับรอยจูบหอมหวานและบางเบาไว้ที่กลีบปากบาง
อดกลั้นทั้งที่กลิ่นกายของร่างบางนั้นหอมแทบสิ้นสติ
ศีรษะของร่างสูงวางลงบนลาดไหล่บาง
บีบมือเล็กไว้แน่น สีตาของทั้งคู่เปลี่ยนอีกครั้ง
“ฝันดีนะครับโซลเมทของผม”
“อะ อื้อ”
ร่างเล็กเดินลงจากรถไปแล้ว
เดินไปยังลิฟต์ส่วนตัว ทันทีที่ประตูเหล็กนั่นปิดลง ร่างสูงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
ก่อนจะเปลี่ยนเกียร์รถ
ทะยานออกไปอย่างรวดเร็วเท่ากับหัวใจที่เต้นกระหน่ำยามนึกถึงริมฝีปากนิ่ม ที่
เผลอไผลเพราะรสสัมผัส
เรือนกายโปร่งบางเข้าไปอาบน้ำชำระล้างกายเพื่อดับความร้อนจากภายใน
แต่ก็เพียงเท่านั้น
เมื่อออกมาข้างนอกแต่งกายด้วยชุดนอนผ้าฝ้ายบางเบาเพื่อให้เกิดความสบายมากที่สุด
เดินหน้ามึนไปหยิบเสื้อสูทที่เต็มไปด้วยกลิ่นของอัลฟ่าหนุ่ม
ทิ้งกายลงบนเตียงกว้าง เมื่อสามารถใช้ชีวิตในห้องพักเพื่อหยุดยาวได้นั้น
แจมินก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งยาระงับอาการฮีทอีกต่อไป
สูดดมกลิ่นหอมเฉพาะที่ฟุ้งเสียจนคนตัวเล็กเริ่มหลงใหลและมัวเมา
ใบหน้าหวานซบลงกับหมอนใบโต แสงไฟในห้องที่หรี่จนสลัว
กับฝ่ามือเล็กที่แตะแต้มลงบนเนื้ออ่อนด้านใน
“อึก...อ่าห์~”
กลายเป็นเสียงครางผะแผ่ว
และลมหายใจที่ขาดห้วง สั่นสะท้าน
ไปกับผิวกายที่เริ่มเห่อแดงจากการเสียดสีกับเนื้อผ้า
กระดุมไม่ติดรัง
หลุดลุ่ยลงจากไหล่บาง ชั้นในตัวน้อยที่เกาะเกี่ยวสะโพก เร้ากายตามแรงอารมณ์
และสีตาที่แปรเปลี่ยนเป็นครั้งที่ 3 ของวัน
“อะ อื้ออ...”
Stranger Things
ผ่าน 3
วันไปอย่างทุกข์ทรมาน แต่อย่างน้อยแจมินก็ได้รับการปลดปล่อยด้วยฝีมือของตัวเอง
พูดแล้วก็กระดากปากไม่น้อยแต่มันก็เรื่องจริงทั้งนั้น
หยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพายที่ไหล่บาง
ไม่ลืมหยิบเสื้อสูทของคุณหัวหน้าบรรณานุกรมที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นกลิ่นหอมของร่างบางพาดไปบนแขนเล็ก
เดินไปยังชั้นล่างตามปกติเพื่อไปซื้อกาแฟเจ้าประจำ
แต่เหมือนวันนี้จะแตกต่างไปเมื่อรถหรูคุ้นตามาจอดเทียบตรงหน้า
กระจกที่เลื่อนลงทำให้เห็นอีกฝ่ายที่วันนี้ใบหน้าหล่อประดับด้วยแว่นกันแดด
“ขึ้นมาสิ”
ถือว่าเป็นการเริ่มต้นวันที่ดีเหมือนกันแหะ
“คุณจอดตรงนี้ก่อน”
“มีอะไรเหรอ”
“ผมจะซื้อกาแฟ เอามั้ย?”
เจโน่ส่ายหน้าก่อนจะหันไปมองคนตัวบางที่วิ่งลงไปซื้อกาแฟ
ดูท่าจะเป็นเจ้าโปรดเพราะท่าทางสนิทสนมกับเจ้าของร้าน ใบหน้าหวานระบายรอยยิ้มก่อนจะรับแก้วกาแฟมาจากอีกฝ่าย
นัยน์ตาคมจ้องมองรอยยิ้มแสนหวานนั่น
กว่าจะรู้ตัวอีกทีนิ้วเล็กก็โบกไปมาตรงหน้า
“คุณ!”
“อ่า...ครับ”
“เหม่อเหรอ”
เจโน่ไม่ตอบ
แค่ยิ้มให้ร่างบาง เลื่อนฝ่ามือไปเปลี่ยนเกียร์ ไม่นานนักรถหรูก็เคลื่อนตัวไปอีกครั้งสู่ตึกสูงระฟ้า
แต่ดูเหมือนวันนี้คนในลิฟต์จะแน่นเป็นพิเศษ
จนแจมินยังรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นร้อนที่ระต้นคอ รองบรรณาธิการหดคอหนี
ก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มๆจากอีกฝ่าย
หันไปมองค้อนแต่กลับได้รับตายิ้มกลับมา
จนแจมินกลายเป็นผู้แพ้และหลบสายตากลับไปเช่นเดิม
ไม่นานนักประตูลิฟต์ก็เปิดออกยังชั้นที่
10 แจมินหันไปมองร่างสูงที่บอกว่าต้องขึ้นไปประชุมกับคณะกรรมการฝ่ายบริหาร ใบหน้าหวานพยักรับหงึกหงัก
แค่เดินเข้ามาในแผนก
ทุกคนต่างก็ถามถึงปัญหาสุขภาพซึ่งแจมินก็ยิ้มรับอย่างดีพร้อมกับกระเช้าวิตามินบำรุงทั้งหลาย
กว่าจะปล่อยให้เข้ามาในห้องก็แทบตาย
นั่งไล่เช็ครูปเล่มที่ตอนนี้ดูเหมือนโรงพิมพ์จะได้รับไฟล์หนังสือเล่มใหม่แล้ว
แต่ดูเหมือนชื่อผู้ส่งจะไม่ใช่คนที่แจมินคาดไว้
ทำไมหัวหน้าคนเก่าถึงได้ส่งงานให้โรงพิมพ์
แทนที่จะเป็นเจโน่ล่ะ
ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่น
ชื่อผู้ส่งถึงโรงพิมพ์ไม่มีชื่อของเจโน่อยู่เลยสักฉบับเดียว
แถมร่างสูงเจอยังเป็นคนเจอจดหมายที่มีคนนอกสามารถเข้าไปยังแฟ้มข้อมูลลับของบริษัทได้อีก
มันชักจะแปลกเกินไปแล้ว
และตลอดทั้งวันแจมินก็ไม่ได้พบร่างสูงอีก
จนกระทั่งตอนเลิกงาน ร่างบางผลักบานประตูออกไปก็พบกับร่างสูงที่กดวางสายโทรศัพท์พอดี
“กลับกัน” ฝ่ามือหนาฉวยข้อมือเล็กก่อนจะเดินนำ แต่ร่างบางกลับขืนไว้
หัวหน้าบรรณาธิการหันกลับมาก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจ
เมื่อจู่ๆมืออีกข้างของร่างบางก็ดันมือเขาออกจากการเกาะกุม
“คุณ...เป็นใครกันแน่”
Stranger Things
คำถามนั้นถูกกด Pause
ไว้ จนเมื่อรถหรูเคลื่อนมาจอดยังชั้นที่จอดรถของคอนโดอีกครั้ง
“อธิบาย” เสียงหวานเอ่ยสั้นๆ แต่ก็ทำให้ร่างสูงยกยิ้มแห้ง
“โอเค โกรธได้
แต่มันเป็นงานนะ ความจริงแล้วผมไม่ได้เป็นหัวหน้าบรรณาธิการอย่างที่คุณคิดนั่นแหละ”
วางฝ่ามือทับกับฝ่ามือเล็กแต่ก็ถูกแจมินดึงออกแล้วตีหลังมือเป็นเชิงปราม
“ยอมแล้ว” ยกมือ 2 ข้างขึ้นราวกับผู้ร้ายโดนตำรวจจับผิด “ผมเป็นตำรวจ
ที่ตอนนี้อยู่ในช่วงพักร้อน 3 เดือน เลยมาช่วยไอมาร์ค เอ่อ
รองประธานบริษัทคุณนั่นแหละ จับคนร้ายในบริษัทคุณ”
“คุณมาร์ค?”
“อืม ผมเป็นเพื่อนมัน”
“แล้วคุณก็เป็น”
“ตำรวจ”
คนตัวเล็กนิ่งไปแล้ว
จนร่างสูงลองยื่นหน้าเข้าไปใกล้ แต่ก็เพียงแค่นั้น
ฝ่ามือเล็กยกขึ้นมากั้นก่อนจะผลักออก แต่มือหนาก็ยังคว้าไว้ทัน ดึงเข้าไปจูบที่ปลายนิ้วเรียวทีละนิ้ว
“คนร้ายเรื่องอะไร”
แจมินถามขึ้น
“มีคนบอกว่าบริษัทคุณขายข่าวของตำรวจให้ผู้ร้าย
มาร์คมันเห็นว่าผมว่างอยู่
ก็เลยไปติดต่อกับผู้กำกับให้ผมมาสืบสวนเรื่องนี้ระหว่างที่กำลังพักร้อน” สิ้นเสียงของร่างสูงคนตัวเล็กก็ถอนหายใจออกมา
“แล้วจับได้มั้ย”
“ก็เป็นคนที่ผมให้คุณดูอีเมล์
ไม่ได้ซับซ้อนอะไรมากมาย แล้วก็บริษัทไม่ได้เสียหายมากเท่าไหร่ เพราะเนื้อหาที่ได้ไปเป็นแฟ้มข้อมูลปลอมที่มาร์คมันสร้างทิ้งไว้ในไฟล์เฉยๆ”
“อ่า คุณมาร์คนี่สุดยอดไปเลย”
“เฮ้
แต่ผมเป็นคนหาเมล์นั่นเจอนะ”
แจมินยู่หน้าให้กับความอวดเก่งของนายตำรวจตรงหน้า
แค่นั่งเฝ้าจอคอมกับชวนเขาไปกินข้าวเที่ยงจะไปเก่งอะไร
“เสร็จเรื่องงาน
ต่อไปก็เรื่องของเรา”
“อะไร”
แจมินถลึงตาใส่ร่างสูงที่จู่ๆดึงร่างบางเข้าไปใกล้
รถราคาแพงแถมพื้นที่น้อยที่มันมีประโยชน์ตรงไหน สองแขนเล็กยันไว้กับอกแกร่งทันที
แต่ก็ยังช้าไปเมื่ออีกฝ่ายโน้มใบหน้าลงมาใกล้ แต่ยังไม่กดจูบเสียทีเดียว
จะแกล้งกันรึไง!
“จีบนะ...” คนตัวสูงว่าขึ้นพลางจูบลงที่มุมปากบาง ซ้ำๆ จนคนตัวเล็กครางฮือ
เรียกรอยยิ้มเอ็นดู ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นรสจูบที่เร่าร้อนขึ้น
กลีบปากหยักได้รูปแนบจูบลงมาที่กลีบปากบาง
ย้ำช้าๆ แต่กลับหนักแน่น ดูดดึงจนเกิดเสียงน่าอาย เอนเอียงเปลี่ยนองศา
แทรกปลายลิ้นเข้าไปเกี่ยวกระหวัด ใบหน้าหวานแดงซ่าน มือเรียวขยุ้มเสื้อเชิ้ตสีดำของอีกฝ่ายจนยับ
โดนปล่อยออกมาให้หอบโกยลมหายใจ
ก่อนจะย้ำอีกครั้ง แต่กลับเต็มไปด้วยความโหยหา รุนแรงจนร่างบางน้ำตาคลอ แต่ก็ปลอบโยนด้วยการจูบซับแผ่วเบา
สลับกับหนักหน่วง
ฝ่ามือหนาเลื่อนไปคล้องเอว
อุ้มคนตัวบางกว่าข้ามมานั่งบนตักแกร่งพร้อมปรับเบาะด้วยความรวดเร็ว
“ดะ...เดี๋ยว เจ-
อื้ออ”
กรอบหน้าหวานโดนรั้งลงมา
บดเบียดกับริมฝีปากหยักได้รูปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
สันจมูกคมของร่างสูงกดลงที่ต้นคอขาว กลิ่นกายของร่างบางที่ฟุ้งกระจาย
มอมเมาร่างสูงยิ่งกว่าเหล้าชั้นดี
ลมหายใจของร่างบางขาดช่วงเมื่อฝ่ามือหนาสอดเข้ามาลูบเนื้อกายใต้ร่มผ้า
ฝ่ามืออุ่นๆนั่นเคลื่อนขึ้นอย่างช้าๆ บีบเค้นจนคนตัวเล็กสะดุ้งเฮือก
กัดริมฝีปากบางแน่น
เมื่อทุกอย่างมันเกินกว่าจะควบคุม
“อ๊ะ อา...”
เสียงหวานที่ครางกระเส่าชิดใบหูของร่างสูง
ทำเอาความอดทนของเจโน่แทบขาด
“คนดี
คุณคงไม่อยากถูกทำตรงนี้”
ถึงแม้สะโพกอิ่มจะกดทับอยู่บนส่วนกลางลำตัวของเจโน่อยู่ก็ตาม
ร่างสูงกัดฟันก่อนจะถามขึ้น
“ให้...หยุดมั้ยครับ”
เอ่ยถามทั้งที่ความจริงตัวเขาเองก็แทบจะไม่ไหว
สบเข้ากับนัยน์ตาใสที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นสีเดียวกัน จูบเบาๆ ข้างแก้มใสที่ชื้นเหงื่อและนัยน์ตาหวานที่เอ่อคลอหยาดน้ำตาบางเบา
“…ยะ หยุดนะ”
เอ่ยขอทั้งน้ำตา
ริมฝีปากร้ายกดซับน้ำตานั่นช้าๆ ดูเหมือนเขาจะทำให้ร่างบางตกใจไม่น้อย
ร่างสูงยกยิ้ม ฝ่ามือหนาไล่ติดกระดุมให้ร่างบางช้าๆ จากล่างขึ้นบนอย่างใจเย็น
กดจมูกหนักๆ ลงบนต้นคอขาวอีกครั้ง
ฝ่ามือเล็กยกขึ้นมากุมใบหน้าหล่อ ก่อนจะเป็นฝ่ายกดจูบหนักๆ ลงบนริมฝีปากหยักได้รูปเช่นกัน
ถอนออกมาด้วยความรวดเร็วพร้อมรอยยิ้มของร่างสูง
“ขอบคุณนะ”
“อ่าห์
อย่าไปทำแบบนี้ที่ไหนอีกนะครับ”
Stranger Things
กรี๊ดดดดด นุเขินนน
ตอบลบ